การใช้เครื่องหมายวรรคตอน |
๑. . เรียกว่า เครื่องหมายมหัพภาค ( มะ – หับ – พาก )
- ใช้เขียนกำกับอักษรย่อ เช่น
คำย่อ | ย่อมาจาก |
กม. ก.ม.ร.ร. ด.ช.พ.ศ. มี.ค. ช.ม.บ. ม. | กิโลเมตร กฎหมายโรงเรียน เด็กชาย พุทธศักราชมีนาคม ชั่วโมง บาทเมตร |
- ใช้เขียนหลังตัวเลข หรืออักษรที่บอกลำดับข้อ
เช่น ๑. ๒. ๓. ฯลฯ- ใช้เขียนคั่นระหว่างชั่วโมงกับนาทีเพื่อบอกเวลา
เช่น ๑๕.๓๐ น.- ใช้เขียนแสดงจุดทศนิยมในจำนวนเลข
เช่น ๑๕.๕๐ บาท
๒. ! เรียกว่า เครื่องหมายอัศเจรีย์ ( อัด – สะ – เจ – รี )
- ใช้เขียนหลังคำอุทานที่แสดงอารมณ์
เช่น เอ๊! โธ่! อนิจจา! อุ๊ย! ปัง! ว้าย! โอ้โฮ!- ใช้เขียนหลังคำอุทานเลียนเสียงธรรมชาติ
เช่น ครืน! เปรี้ยง!
๓. ? เรียกว่า เครื่องหมายปรัศนี ( ปรัด – สะ – นี )
- ใช้เขียนหลังประโยคคำถาม
เช่น เธอมาจากไหน ?
เธอจะไปไหน ?
ใครอยู่ในห้อง ?
คุณมีเงินกี่บาท ?( เครื่องหมายนี้ในภาษาไทยไม่นิยมใช้ มักใช้ในภาษาอังกฤษ )
๔. ( ) เรียกว่า เครื่องหมายนขลิขิต ( นะ – ขะ – ลิ – ขิต )
- ใช้ค่อมคำหรือข้อความที่ขยายความข้างหน้า ข้อความในวงเล็บเป็นการอธิบายเพิ่มเติม
เช่น จังหวัดลพบุรี ( ละโว้ ) อ่านว่า จังหวัดลพบุรี วงเล็บ ละโว้
ถ้าเป็นข้อความให้อ่าน ว่า วงเล็บเปิด เมื่อจบข้อความอ่านว่า วงเล็บปิด- ใช้คร่อมนามเต็มที่เขียนไว้ใต้ลายเซ็น
๕. ฯ เรียกว่า ไปยาลน้อย ( ไป – ยาน – น้อย )
- ใช้เขียนหลังคำที่เป็นข้อความสั้นจากคำเต็มที่รู้จักกันดี แต่เวลาอ่านต้องอ่านเป็นคำเต็ม เช่น
กรุงเทพฯ อ่านว่า กรุงเทพมหานคร
โปรดเกล้าฯ อ่านว่า โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
เฝ้าฯ อ่านว่า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ทูลเกล้าฯ อ่านว่า ทูลเกล้าทูลกระหม่อม
น้อมเกล้าฯ อ่านว่า น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม
๖. ฯลฯ เรียกว่า เครื่องหมายไปยาลใหญ่ ( ไป – ยาน – ใหญ่ )
- ใช้เขียนหลังข้อความที่ยังไม่จบ และข้อความนั้น ประเภทเดียวกัน
อ่านเครื่องหมายว่า ละ เมื่ออยู่ท้ายคำ อ่านว่า ละถึง เมื่ออยู่กลางคำ เช่น เครื่องมือจับสัตว์น้ำมีมากมาย เช่น แห อวน สวิง โพงพาง ฯลฯ อ่านว่า ละ
พยัญชนะไทยมี ๔๔ ตัว คือ ก ข ค ฯลฯ ฮ อ่านว่า ละถึง
๗. - เรียกว่า เครื่องหมายยัติภังต์ ( ยัด – ติ – พัง )
- ใช้เขียนท้ายข้อความที่เป็นคำเดียวกัน แต่ต้องแยกเขียน เพื่อให้ถูกต้องตามลักษณะของคำประพันธ์
เช่น คุณบิดรดุจอา - กาศกว้าง
- ใช้เขียนเมื่อต้องแยกคำ เพราะมาอยู่ตรงสุดบรรทัดแล้วไม่สามารถเขียนคำเต็มได้
( แต่ ไม่ค่อยนิยมใช้แยกคำ )
- ใช้เขียนคั่นคำอ่านแต่ละพยางค์
เช่น มกราคม อ่านว่า มะ – กะ – รา – คม
- ใช้ในความหมายว่า และ หรือ กับ เช่น ม้านิลมังกร – สุดสาคร
- ใช้ในความหมาย ถึง เช่น เชียงราย – ปัตตานี ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
๘. ____ เรียกว่าเครื่องหมาย สัญประกาศ ( สัน-ยะ-ประ-กาด )
- ใช้ขีดเส้นใต้เน้นคำ หรือข้อความที่สำคัญ เช่น เครื่องหมายวรรคตอน เรื่องพระอภัยมณีเป็นยอดนิทานคำกลอน ห้ามเดินลัดสนาม
๙. “ ” เรียกว่าเครื่องหมาย อัญประกาศ ( อัน-ยะ-ประ-กาศ )
- ใช้เขียนคร่อมข้อความที่เป็นคำพูด
เช่น ครูพูดว่า “ดวงมณี หนูได้รับรางวัล เพราะหนูมีความประพฤติดี”
ใช่คร่อมคำหรือข้อความที่ยกมาจากที่อื่น
เช่น สุภาษิตกล่าวว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
๑๐. ” เรียกว่าเครื่องหมาย บุพสัญญา ( บุบ-พะ-สัน-ยา )
- ใช้เขียนแทนคำหรือข้อความบรรทัดบนที่เหมือนกัน โดยไม่ต้องเขียนซ้ำ
แต่เวลา อ่านต้องอ่านเต็มคำ หรือเต็มข้อความเหมือนเดิม
ถ้าเป็นข้อความไม่ยาวใส่เพียงหนึ่งตัว ถ้ายาวมากใส่หลายตัวก็ได้
เช่น เสื้อ ราคาตัวละ ๙๙ บาท กางเกง ” ๑๐๐ บาท
๑๑. ๆ เรียกว่าเครื่องหมาย ไม้ยมก ( ไม้-ยะ-มก )
- ใช้เขียนไว้หลังคำหรือความ เพื่อให้อ่านคำหรือความนั้นซ้ำกันสองหน แต่ต้องเป็นคำ หรือความชนิดเดียวกัน
( ใช้เขียนครั้งละ ๑ อันเท่านั้น ) เช่น
ฉันไปโรงเรียนทุกๆวัน อ่านว่า ฉันไปโรงเรียนทุกทุกวัน
เขามาที่นี่ทุกวันๆ อ่านว่า เขามาที่นี่ทุกวันทุกวัน
คุณครูสอนว่า “อย่าทำอย่างนี้ ๆ” อ่านว่า คุณครูสอนว่าอย่าทำเช่นนี้อย่าทำเช่นนี้
๑๒. ..… เรียกว่าเครื่องหมายจุดไข่ปลา ( จุด-ไข่-ปลา )
- ใช้ละข้อความที่ไม่จำเป็นหรือไม่ต้องการ กล่าวถึง เพื่อแสดงว่า ต้องตัดตอนข้อความนั้นมาเพียงบางส่วน โดยต้องใส่จุดอย่างน้อย ๓ จุด เช่น
ฝ่ายพญานกออกกับเต่าและเหยี่ยวก็พากันมาหาราชสีห์ ราชสีห์ก็สำแดงอานิสงส์...
- ใช้ละข้อความในบทร้อยกรอง ถ้าจะละข้อความตั้งแต่ ๑ บรรทัดขึ้นไป
ให้ใช้ จุดไข่ปลายาวตลอดบรรทัด เช่น ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด .......................................
- ใช้ในแบบพิมพ์ต่างๆ ซึ่งเว้นช่องว่างไว้กรอกข้อความ
ความยาวของจุดไข่ปลา ขึ้นอยู่กับความยาวของข้อความที่ต้องการ เช่น
ชื่อ....................................... นามสกุล................................................................
อายุ.................................. วัน เดือน ปีเกิด........................................................
๑๓. / เรียกว่าเครื่องหมายทับ ( ทับ )
- ใช้ขีดหลังจำนวน เพื่อแบ่งจำนวนย่อยออกจำนวนใหญ่ เช่น ๕๓/๒๔๐๐
- ใช้ขีดคั่นระหว่างตัวเลข แสดงวัน เดือน ปี เช่น ๑๓ / ๖ / ๒๕๔๕
- ใช้ขีดคั่นระหว่างเลขบอกลำดับที่กับเลขศักราช เช่น ที่ ศธ.๙/๒๕๔๕
- ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ แทนคำว่า หรือ หมายถึงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ตำบล/แขวง อำเภอ/เขต
- ใช้ขีดคั่นระหว่างคำ มีความหมายว่า ต่อ เช่น กิโลเมตร/ชั่วโมง
- ใช้ขีดคั่นระหว่าง รหัส ทั้งที่เป็นตัวเลขและตัวอักษร เช่น ทะเบียนเลขที่ ๑๖๖/กษ/๕๒
๑๔. = เรียกว่าเครื่องหมายเสมอภาค (สะ - เหมอ - พาก )
- ใช้เขียนคั่นข้อความ เพื่อแสดงว่าทั้งสองข้างเท่ากัน เช่น ๕ + ๕ = ๑๐
๒๐ = ๕ × ๔
๑๕. , เรียกว่าเครื่องหมายจุลภาค ( จุน - ละ - พาก )
- ใช้เขียนคั่นตัวเลขตั้งแต่ ๓ หลักขึ้นไป เช่น ๑,๑๐๕ หรือ ๒,๓๔๕,๖๐๐
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น